บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ จับมือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ เผยผลการดำเนิน “โครงการซีพีเอฟ อิ่ม สุข ปลูกอนาคต” (CPF…Growing Happiness, Growing Futures Project) ประจำปี 2558 ตรงตามกรอบการดำเนินงานที่วางไว้ในด้านการปลูกความรู้และจิตสำนึก (Learning) มุ่งส่งเสริมการเข้าถึงอาหารและให้ความรู้ด้านสุขโภชนาการแก่เยาวชนกว่า 14,000 คน ในโรงเรียน 67 แห่ง ที่อยู่รอบโรงงานหรือฟาร์มของบริษัทได้ครบ 100% พร้อมเดินหน้าโครงการฯ ปี 2559 มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Sharing) ระหว่างโรงเรียนที่ดำเนินโครงการฯ ถึงแนวทางการบริหารโครงการฯ และจัดการผลผลิตให้เกิดความยั่งยืน

นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า โครงการซีพีเอฟ อิ่ม สุข ปลูกอนาคต อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ความรับผิดชอบต่อสังคมสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนของซีพีเอฟภายใต้เสาหลัก “อาหารมั่นคง” โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมสร้างโภชนาการที่ดีในเด็กและเยาวชน เพื่อการบริโภคอย่างมีคุณภาพ ปลอดภัย เหมาะสมตามหลักโภชนาการ ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พร้อมพัฒนาสู่แหล่งเรียนรู้ต้นแบบในโรงเรียนและชุมชนในอนาคต เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายในการดำเนินงาน 17 ประการ ปี 2558-2573 ขององค์การสหประชาชาติ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลกในข้อ 2 คือ ขจัดความหิวโหย บรรลุเป้าหมายความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการที่ดีขึ้น และส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน

“โครงการซีพีเอฟ อิ่ม สุข ปลูกอนาคตถือเป็นการต่อยอดโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนที่ซีพีเอฟดำเนินโครงการฯ มากว่า 27 ปี โดยเพิ่มมิติความช่วยเหลือที่กว้างและครอบคลุมมากขึ้น อาทิ การผลิตอาหาร  การให้ความรู้ด้านคุณภาพ ความปลอดภัยอาหาร และโภชนาการอาหาร เพื่อให้นักเรียนได้บริโภคอาหารที่เหมาะสมตามวัย รวมถึงการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ อาทิ ผลิตภัณฑ์ไก่, หมู ไข่ไก่ฯลฯ ให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลน เพื่อให้เยาวชนได้บริโภคอาหารที่มีประโยชน์ การส่งเสริมระบบสุขาภิบาลอาหาร โดยส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าไปให้ความรู้ด้านสุขอนามัยของนักเรียน การดูแลรักษาภาชนะและสถานประกอบอาหารให้สะอาดถูกหลักอนามัย” นายวุฒิชัย กล่าว

สำหรับในปี 2558 ซีพีเอฟดำเนินโครงการซีพีเอฟ อิ่ม สุข ปลูกอนาคต ได้ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ และโครงการฯ มีความก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับ โดยได้รับความร่วมมือจากทุกสายธุรกิจของ      ซีพีเอฟช่วยกันขับเคลื่อนโครงการฯ รวมถึงมีการติดตามประเมินผล โดยร่วมกับสำนักพัฒนากิจกรรมนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 67 โรงเรียน จำนวน 6 ครั้ง ครอบคลุม 6 ภูมิภาค แบ่งเป็น ภาคกลาง 12 โรงเรียน, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 14 โรงเรียน, ภาคตะวันตก 14 โรงเรียน, ภาคตะวันออก 10 โรงเรียน, ภาคเหนือ 8 โรงเรียน และภาคใต้ 9 โรงเรียน เพื่อติดตาม

ความก้าวหน้า รับทราบปัญหา และประเด็นที่ต้องมีการปรับปรุง เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาและพัฒนาโครงการให้มีประสิทธิภาพต่อไป

ด้าน นางสาวละมุล เครือบสูงเนิน รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษา นครราชสีมา เขต 4 กล่าวว่า “ดีใจที่ทุกภาคส่วนมาช่วยกันสร้างโอกาสให้กับเด็ก เนื่องจากงบประมาณที่ส่วนราชการสนับสนุนมีไม่เพียงพอ ภาครัฐสนับสนุนอาหารกลางวันให้กับนักเรียนระดับอนุบาล -ประถมศึกษา หากโรงเรียนใดมีนักเรียนระดับมัธยมศึกษา จะทำให้เกิดปัญหาด้านงบประมาณเพราะจะต้องนำมาเฉลี่ยกัน อย่างไรก็ตามเด็กเหล่านี้ต่างเป็นเด็กขาดโอกาสเหมือนกัน ดังนั้นโรงเรียนจึงต้องจัดสรรงบประมาณบางส่วนมาดูแลเรื่องนี้ การที่ซีพีเอฟเข้ามาส่งเสริมโครงการฯ นี้ช่วยทำให้เด็กได้ทานอาหารกลางวันอิ่มท้องทุกวัน  ซึ่งจะทำให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ ทำให้เยาวชนที่จะเป็นอนาคตของชาติมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

นางณัชชา บุญสิริธนา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโคกพยอม ตำบล ทุ่งลาน อำเภอ คลองหอยโข่ง จังหวัด สงขลา กล่าวถึงความรู้สึกว่า “ซีพีเอฟ อิ่ม สุข ปลูกอนาคต เป็นโครงการฯ ที่ดี ส่งเสริมให้เด็กมีความรับผิดชอบการต่อหน้าที่ มีวินัยในตนเอง การที่ซีพีเอฟเข้ามาสนับสนุนโครงการฯ ทำให้โรงเรียนประหยัดรายจ่าย ซีพีเอฟเข้ามาสอนผลิตผักไฮโดรโปรนิกส์, ปลูกผักไร้สารพิษในรูปทรงเลขาคณิต, เลี้ยงปลาดุกในซีเมนต์, เพาะเห็ตนางฟ้า แล้วนำไปแปรรูปเป็นเห็ดสวรรค์ จำหน่ายให้ผู้ปกครองในรูปแบบ OTOP ของโรงเรียน ส่งเสริมให้เด็กได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ปลอดสารพิษ ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตสมส่วน นอกจากนี้เด็ก ๆ ยังได้เห็นคุณค่าจากการลงแรงรดน้ำผัก, ให้อาหารปลา ฯลฯ นำมาซึ่งผลผลิตอาหารกลางวันกลับคืนมาสู่พวกเขาเอง ทำให้เกิดความภาคภูมิใจ”

โครงการซีพีเอฟ อิ่ม สุข ปลูกอนาคต ขับเคลื่อนโครงการฯ ผ่าน CSR Leader ในทุกสายธุรกิจของซีพีเอฟ ที่เข้ามารับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ โดยทำงานเชื่อมโยงกับโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่แน้นแฟ้นกับโรงเรียนและชุมชน สร้างชุมชนเข้มแข็งไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชาวชุมชนอย่างยั่งยืน ก่อเกิดการยอมรับ (License to Operate) องค์กรและธุรกิจซีพีเอฟในชุมชนนั้น ๆ อย่างแท้จริง./