

นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟในฐานะผู้นำด้านธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร ยังมุ่งมั่นเดินหน้างานด้านซีเอสอาร์สู่ความยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ความรับผิดชอบต่อสังคมสู่ความยั่งยืนภายใต้ 3 เสาหลัก ได้แก่ อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดินน้ำป่าคงอยู่ ซึ่งถือเป็นโรดแม็ปที่บริษัทฯ วางไว้ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานในระยะยาว โดยในปีนี้บริษัทได้มีการทบทวนและพัฒนากรอบการดำเนินงานหลาย ๆ ด้าน เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงตามกระแสโลก ความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนความคาดหวังที่สูงขึ้นของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนในเวทีการค้าโลก
บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนากระบวนการผลิตอย่างเป็นระบบตลอดห่วงโซ่ธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ รวมถึงยังมุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายพันธมิตรด้านความยั่งยืนทั้งในและต่างประเทศ โดยจะทำการทบทวนกลยุทธ์การดำเนินงานซีเอสอาร์สู่ความยั่งยืนให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ โดยมุ่งเน้นการใช้ศักยภาพของบริษัทฯ ในการร่วมสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม
“การที่ซีพีเอฟได้เข้าเป็นสมาชิก The UN Global Compact (UNGC) อย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ถือเป็นการประกาศเจตนารมณ์ของบริษัทในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ ทำให้ผู้มีส่วนได้เสียเชื่อมั่นว่าบริษัทจะดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส โดยบริษัทฯ จะนำเสนอรายงานการดำเนินงานตามนโยบายซีเอสอาร์สู่ความยั่งยืนตามข้อกำหนดของ UNGC ในประเด็นหลัก 4 เรื่อง ได้แก่ สิทธิมนุษยชน (Human Rights) แรงงาน(Labour) สิ่งแวดล้อม (Environment) และการต้านทุจริต (Anti-Corruption) เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน รวมถึงเพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบการดำเนินงานของบริษัทอีกทางหนึ่ง” นายวุฒิชัย กล่าว
นอกจากนี้ซีพีเอฟยังคงดำเนินยุทธศาสตร์ด้าน “อาหารมั่นคง” อย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยตลอดกระบวนการ พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมกลุ่มสุขภาวะ กลุ่มโภชนาการเด็ก และกลุ่มอาหารสดอนามัย ริเริ่มโครงการ “มาตรฐานอาหารซีพีเอฟ” เพื่อสร้างระบบมาตรฐานด้านคุณภาพและความปลอดภัยอาหารตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยคาดว่าจะประยุกต์ใช้คู่มือ ระเบียบปฏิบัติ และวิธีการปฏิบัติงานตาม “มาตรฐานอาหารซีพีเอฟ ให้ครอบคลุมทุกธุรกิจภายในประเทศภายในปี 2561 และยังมีเป้าหมายส่งเสริมการเข้าถึงอาหารแก่เด็กและเยาวชนให้บริโภคอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ถูกหลักโภชนาการ ผ่านการดำเนินโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนมาตั้งแต่ปี 2532 เข้าถึงเด็กนักเรียนกว่า 133,000 คน กว่า 500 โรงเรียนทั่วประเทศ และต่อยอดสู่โครงการซีพีเอฟ อิ่ม สุข ปลูกอนาคต ในโรงเรียนนำร่อง 67 แห่งที่ตั้งอยู่รอบรั้วโรงงานหรือฟาร์มทั่วประเทศ สำหรับปีนี้เข้าสู่ปีที่ 2 ของการดำเนินโครงการซึ่งเป็นปีแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และส่งเสริมการจัดการผลผลิตภายในโรงเรียนอย่างยั่งยืน เพื่อนำไปแปรรูปเป็นอาหารสร้าง
โภชนาการที่ดี พร้อมลงไปติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ข้อ 2 คือ ขจัดความหิวโหย
สำหรับยุทธศาสตร์ด้าน “สังคมพึ่งตน” ซีพีเอฟให้ความสำคัญกับการพัฒนาสังคมให้เข้มแข็งโดยมุ่งเน้นเป้าหมายการพัฒนาคู่ค้าธุรกิจให้เติบโตไปด้วยกัน เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขัน สร้างการเติบโตระยะยาว ผ่านการส่งเสริมแผนงานการบริหารความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ โดยในปีนี้ซีพีเอฟเตรียมพิจารณาแผนขยายการส่งมอบนโยบายการจัดหาอย่างยั่งยืนและแนวปฏิบัติไปยังคู่ค้าธุรกิจหลักในกลุ่มอื่นๆ และเริ่มตรวจประเมินการปฎิบัติให้สอดคล้องกับนโยบายฯ ที่ได้วางไว้ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังตั้งเป้าหมายส่งเสริมคุณภาพชีวิตชุมชน โดยที่ผ่านมามีการส่งเสริมอาชีพและรายได้ของเกษตรกรมาโดยตลอด และเดินหน้าจัดทำแผนงานโครงการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนรอบโรงงานและฟาร์มตามกลยุทธ์ ขีด+คิด+ร่วม+(ข่าย)
ซีพีเอฟยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดธุรกิจสีเขียว ตามยุทธศาสตร์ด้าน “ดินน้ำป่าคงอยู่” โดยมีเป้าหมายบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อร่วมบรรเทาผลกระทบเชิงลบ เพิ่มผลกระทบเชิงบวกตลอดห่วงโซ่คุณค่าผ่านการบริหารจัดการเชิงบูรณาการทั้งด้านพลังงาน น้ำ ของเสียและอากาศ ด้วยหลัก 4 Rs โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ตั้งเป้าลดการใช้พลังงานและของเสียร้อยละ 3 รวมถึงลดการใช้น้ำต่อตันการผลิตร้อยละ 2.3 ควบคู่ไปกับการลดการใช้ทรัพยากรในการผลิตบรรจุภัณฑ์ โดยสามารถลดการใช้พลาสติกและกระดาษสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหารได้กว่า 200 ตัน
“สำหรับเป้าหมายปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพผ่านการอนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนกว่า 2,000 ไร่ ภายใต้ โครงการซีพีเอฟปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน ซีพีเอฟยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้จะปลูกป่าใหม่เพิ่ม 95 ไร่ พร้อมเปิดศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลน 2 แห่ง ในจังหวัดระยอง และชุมพร ซึ่งจะเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องป่าชายเลนที่ถูกต้องของนักเรียนและคนในชุมชน เพื่อช่วยกันอนุรักษ์ต่อไป สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ขององค์การสหประชาชาติ ข้อ 14 คือ ดูแลทรัพยากรทางน้ำ นอกจากนี้ในส่วนโครงการ “ซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ” เพื่อต่อยอดอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวภายในและรอบรั้วสถานประกอบการสู่การประเมินมูลค่าของระบบนิเวศ บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายโครงการไปสู่ฟาร์มและโรงงาน 150 แห่งทั่วประเทศ สอดคล้องไปกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ขององค์การสหประชาชาติ ในข้อ 15 คือ ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ยั่งยืนของระบบนิเวศบนบก” นายวุฒิชัย กล่าวทิ้งท้าย