

ประเทศเวียดนาม เป็นหนึ่งในประชาคมอาเซียนที่กำลังจะเปิดตัวในสิ้นปี 2558 นี้ เศรษฐกิจมีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตลาดมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีการแข่งขันสูงขึ้น ขณะที่ซีพี เวียดนามได้วางรากฐานธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจรในเวียดนามมานานกว่า 20 ปี พัฒนาเวียดนามเป็นฐานการผลิตและตลาดใหญ่รองจากประเทศไทย ที่มีความพร้อมทั้งเรื่องบุคลากร และความรู้ความเชี่ยวชาญในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร รองรับการเติบโตในภูมิภาคเอเชียอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์การเป็น “ครัวของโลก”
นายมนตรี สุวรรณโพธิ์ศรี กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร เขตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม หรือ ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า นับตั้งแต่บริษัทได้เริ่มเข้าไปทำธุรกิจในเวียดนามตั้งแต่ปี 2531 จนถึงปัจจุบัน มองว่าเวียดนามยังเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตอีกมาก มีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และมีปริมาณประชากรที่มีมากกว่า 90 ล้านคน มากเป็นอันดับ 3 ในประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียนด้วยกัน และมีความพร้อมในด้านปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ดังนั้น บริษัทก็ยังคงขยายการลงทุนธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจรในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง โดยทิศทางของการลงทุนในปีนี้ จะเน้นขยายธุรกิจอาหารแปรรูปประเภทอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานมากขึ้น
“การขยายธุรกิจอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน เป็นการรองรับการส่งออกอาหารสำเร็จรูปที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น รวมทั้งการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของสังคมเมืองของเวียดนามเอง เป็นผลจากภาพรวมเศรษฐกิจของเวียดนามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประชากรมีความรู้และรายได้เพิ่มขึ้น จึงมีแนวโน้มบริโภคอาหารนอกบ้านและอาหารสำเร็จรูปเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ยังนับเป็นการต่อยอดธุรกิจการเลี้ยงสัตว์ทั้งสัตว์บก และสัตว์น้ำที่ ซี.พี.เวียดนามดำเนินธุรกิจอยู่แล้วกว่า 20 ปีแล้วด้วย ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานแปรรูปอาหารเนื้อหมูและไก่ 2 แห่ง และสัตวน้ำ 3 แห่ง และปีนี้จัดสรรงบลงทุน 20 ล้านเหรียญสหรัฐเริ่มก่อสร้างโรงงานเพื่อขยายกำลังการผลิตอาหารแปรรูปจะแล้วเสร็จปี 2559 ดังนั้นเราจึงมีความพร้อมที่จะขยายเข้าสู่ธุรกิจอาหารสำเร็จรูปอย่างเต็มรูปแบบ” นายมนตรีกล่าว
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ยังมีโอกาสพัฒนาเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะ ประมาณการความต้องการบริโภคหมูในปี 2558 ของเวียดนามสูงถึง 47 ล้านตัวต่อปี ขณะที่ ธุรกิจหมูที่ซีพีเวียดนามผลิตได้เพียง 3.9 ล้านตัวต่อปี ซึ่งนับเป็นผู้ผลิตเชิงอุตสาหกรรมรายใหญ่อันดับ 1 ของเวียดนาม
ในปี 2557 ที่ผ่านมา ซี.พี.เวียดนามมียอดขายรวมประมาณ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 64,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากปีก่อนหน้า โดยรายได้ส่วนใหญ่ร้อยละ 95 มาจากตลาดในเวียดนาม ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากการส่งออก สำหรับ ในปีนี้คาดว่ารายได้จะโตขึ้นร้อยละ 15
“ตลาดของเวียดนามกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว และมีผู้ผลิตมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจปรับตัวให้ทันกับตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซีพี เวียดนามมองว่าเป็นโอกาสของบริษัท ในการสร้างความเชื่อมั่นถึงคุณภาพและความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์อาหารภายใต้แบรนด์ “ซีพี” มากยิ่งขึ้น โดยให้ความสำคัญสูงสุดในเรื่องของการผลิตอาหารสะอาดและปลอดภัย มีคุณภาพสูงทั้งด้านคุณค่าทางโภชนาการและรสชาติ ด้วยต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิต ซึ่งเป็นจุดแข็งของที่ช่วยให้ผู้บริโภคเวียดนามเชื่อมั่นในคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้ามากยิ่งขึ้น” นายมนตรีกล่าว
นายมนตรี กล่าวต่ออีกว่า เพื่อรองรับธุรกิจที่จะขยายตัวในระยะยาว ซี.พี.เวียดนามยังได้เตรียมความพร้อมในเรื่องบุคลากร ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการสร้างการเติบโตของธุรกิจ ทั้งเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์ พนักงานและผู้บริหารที่เป็นชาวเวียดนามซึ่งผ่านการถ่ายทอดความรู้ความเชี่ยวชาญจากไทย การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ระบบและหลักปฏิบัติที่ดี เพื่อนำไปสู่การผลิตอาหารของเวียดนามได้มาตรฐานสูงระดับโลกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นับตั้งแต่ ซีพี เวียดนาม เข้ามาลงทุนในประเทศเวียดนามตั้งแต่ปี 2531 มีการขยายอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบัน ซีพี เวียดนาม เข้าไปลงทุนดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนามเต็มรูปแบบ โดยลงทุนและดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจรเช่นเดียวกับในประเทศไทย ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่ การผลิตอาหารสัตว์ การเพาะพันธุ์และเลี้ยงสัตว์ ถึงการแปรรูปเนื้อสัตว์ และอาหารสำเร็จรูป และยังมีธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหาร/