

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ มุ่งมั่นส่งเสริมความยั่งยืนในการใช้ทรัพยากรทางทะเลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เดินหน้าความร่วมมือกับองค์กรและสมาคมต่างๆ ฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล คาดในอีก 3 ปีข้างหน้าลดสัดส่วนการใช้ปลาป่นในสูตรอาหารสัตว์น้ำเหลือไม่เกิน 5 %
น.สพ.สุจินต์ ธรรมศาสตร์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฎิบัติการ สายธุรกิจสัตว์น้ำ ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายดำเนินงานเรื่องการใช้ทรัพยากรจากทะเลชัดเจน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดสู่ความยั่งยืน โดยเฉพาะลดการใช้ทรัพยากรทางทะเลด้วยการปรับปรุงพันธุ์สัตว์ ลดการใช้น้ำทะเลในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ทำให้การผลิตอาหารกุ้ง สามารถลดสัดส่วนการใช้ปลาป่นจากเดิมที่ 35 % เหลือเพียง7% ในปัจจุบัน และในอีก 3 ปีข้างหน้าคาดว่าจะเหลือเพียง 5 % เท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนที่เรายังสนับสนุนอุตสาหกรรมประมงที่ถูกกฎหมาย
“บริษัทฯมีแนวทางชัดเจนในการปกป้อง อนุรักษ์ เพื่อความยั่งยืนของทรัพยากรทางทะเล โดยให้ความสำคัญการพัฒนานวัตกรรมสูตรอาหารกุ้ง เพื่อลดการใช้ปลาป่นซึ่งได้มาจากทรัพยากรทางทะเล รวมถึงการปรับปรุงพันธุ์จากการเลี้ยงกุ้งกุลาดำมาเป็นกุ้งขาวแวนนาไม ทำให้ลดสัดส่วนการใช้ปลาป่นในสูตรอาหารสัตว์ลงจาก 35% ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เหลือ 7% ในปัจจุบัน” น.สพ.สุจินต์ กล่าว
น.สพ. สุจินต์ กล่าวย้ำว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ของซีพีเอฟสู่การเป็นครัวของโลก (Kitchen of the world) ธุรกิจสัตว์น้ำของบริษัททั้งอาหารสัตว์ เลี้ยงสัตว์ และอาหารแปรรูป-สำเร็จรูป ทำให้บริษัทไปเกี่ยวข้องกับทะเล เช่น ปลาป่นและการใช้น้ำทะเลในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ทำให้บริษัทตระหนักดีและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ใช้ทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตามแนวทางความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมสู่ความยั่งยืน
นอกจากนี้ ซีพีเอฟยังมีโครงการ ‘ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน’ โดยร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ(องค์การมหาชน) และเครือข่ายภาคประชาสังคม ดำเนินการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำเพื่ออนุรักษ์ระบบนิเวศของประเทศทั้งทางทะเลและทางบกอย่างยั่งยืน
ที่ผ่านมา ซีพีเอฟ ยังได้ร่วมมือกับ 8 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย สมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย สมาคมผู้ผลิตปลาป่นไทย สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย สมาคมกุ้งไทย สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย และสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป ประกาศเจตนารมย์สนับสนุนการดำเนินโครงการพัฒนาการประมงอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน หรือ Fishery Improvement Plan –FIP ใน 2 ฝั่งทะเลของไทย คือ ฝั่งอันดามัน และอ่าวไทย ซึ่งคาดว่าประมาณปลายปี 2560 นี้ จะมีการประกาศหลักเกณฑ์เพื่อที่จะนำมาสู่การปฏิบัติ ซึ่งเชื่อว่าโปรแกรมดังกล่าวจะช่วยฟื้นฟูทะเลให้กลับมามีสภาพอุดมสมบูรณ์
อนึ่ง บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจเพาะเลี้ยงและผลิตอาหารกุ้ง โดยซื้อปลาป่นจากโรงงานที่ใช้วัตถุดิบที่เป็นผลพลอยได้จากโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ (By-Product) เช่น จากโรงานผลิตทูน่ากระป๋องเป็นหลัก และต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากลด้านความรับผิดชอบและทวนสอบย้อนกลับของปลาป่นที่ผ่านการรับรองด้วยมาตรฐานจากองค์กรระดับโลก คือ มาตรฐาน International Fishmeal and Fish Oil Organization Responsible Supply หรือ IFFO RS.

Tag:
#Supplier