

นายซานจีฟ แพนท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อินเดีย จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจอาหารในอินเดียยังมีแนวโน้มเติบโตสูง เพราะอินเดียเป็นประเทศที่มีเมืองขนาดใหญ่ และเศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องหลายเมือง ดังนั้น บริษัทยังคงเดินหน้ารุกธุรกิจอาหารสำเร็จรูปในอินเดียเพิ่มมากขึ้น โดยนำร้านห้าดาวขยายเข้าในพื้นที่ใหม่ที่เป็นเมืองขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น และเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปในบรรจุภัณฑ์มาตรฐานแบรนด์ “ซีพี” อีกด้วย
“อินเดีย ถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว หลายเมืองมีประชากรมากเกือบ 10 ล้านคน และมีศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจสูง จึงเป็นโอกาสที่ดีต่อการสร้างการเติบโตของธุรกิจอาหารสำเร็จรูปของซีพี อินเดีย ให้มากขึ้น ด้วยการใช้ร้านห้าดาวเป็นตัวนำร่องเข้าไปพื้นที่ใหม่ที่เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่มีชุมชนเมืองขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ภาวะเศรษฐกิจเติบโตค่อนข้างสูง โดยมีเป้าหมายที่จะขยายร้านห้าดาวในอินเดียเพิ่มเป็น 500 สาขาภายใน 3 ปีนี้ และเตรียมเปิดตัวอาหารแปรรูปในรูปแบบเนื้อไก่สดในบรรจุภัณฑ์มาตรฐานแบรนด์ “ซีพี” ในอีก 1-2 ปีข้างหน้าด้วย” นายซานจีฟ แพนท์ กล่าว
นายซานจีฟกล่าวต่อว่า ภายใน 2 ปีข้างหน้า ธุรกิจห้าดาวตั้งใจจะขยายร้านเข้าไปในรัฐเตลันกานา (Telangana) และ รัฐอานธรประเทศ (Andhra Pradesh) เป็นหลัก เพราะรัฐทั้งสองเป็นตลาดที่มีประชากรมาก เป็นชุมชนที่ผู้คนดำเนินชีวิตในรูปแบบคนเมือง นิยมการรับประทานอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะเมืองไฮเดอราบัด ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐเตลันกานา มีประชากรสูงกว่า 7 ล้านคน และเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ เภสัชกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ แนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เมื่อ 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ บริษัทได้เข้าไปเปิดร้านห้าดาว 3 สาขาที่เมืองไฮเดอราบัดแล้ว และตั้งเป้าที่จะเพิ่มร้านห้าดาวในเมืองไฮเดอราบัดเป็น 100 สาขา
ส่วนรัฐอานธรประเทศ เป็นรัฐที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย เป็นรัฐขนาดใหญ่มีประชากรรวมเกือบ 50 ล้านคน นับเป็นรัฐที่มีประชากรสูงเป็นอันดับ 10 ของอินเดีย เป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายฝั่งตะวันออกของอินเดีย และศูนย์กลางของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี มีเมืองใหญ่หลายเมืองที่มีศักยภาพในการเปิดร้านห้าดาว นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งใจที่จะขยายธุรกิจห้าดาวเข้าไปในภาคตะวันตกของอินเดียซึ่งมีเมืองขนาดใหญ่หลายเมือง อาทิ เมืองปูเน มุมไบ เป็นต้น และใช้ร้านห้าดาวนำร่องเข้าไปในพื้นที่ที่มีศักยภาพในส่วนอื่นของอินเดียต่อไปในอนาคต
สำหรับแนวทางการขยายจำนวนร้านห้าดาวในอินเดีย ซีพีเอฟจะเน้นส่งเสริมผู้ประกอบการในท้องถิ่นในรูปแบบของแฟรนไชส์เป็นหลัก ซึ่งร้อยละ 90 ของร้านห้าดาวที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมด 260 สาขาดำเนินการโดยผู้ประกอบการท้องถิ่น ส่วนรูปแบบของร้านห้าดาวในอินเดียแตกต่างจากรูปแบบซุ้มห้าดาวที่เห็นอยู่โดยทั่วไปในประเทศไทย ร้านห้าดาวในอินเดียจะตกแต่งแบบร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด แต่ขนาดของร้านจะไม่ใหญ่ ทุกร้านมีขนาดประมาณ 100-200 ตารางฟุตเท่านั้น พื้นที่ส่วนใหญ่ใช้เป็นที่เตรียมอาหาร มีที่นั่งไม่มาก เพราะเน้นให้ลูกค้าซื้อกลับไปรับประทานที่บ้านเป็นหลัก มีกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น และ วัยทำงาน ส่วนสินค้าหลักของร้านห้าดาวในอินเดียเป็นไก่ทอดหลายรสชาติ ทั้งรสชาติแบบไทย อินเดีย และไก่รมควัน และมีของว่างหลายรูปแบบ เช่น เบอร์เกอร์ เฟรนส์ฟราย เป็นต้น พร้อมเครื่องดื่ม และยังเพิ่มเมนูอาหารที่เป็นมังสวิรัติเพื่อให้เหมาะสมกับคนท้องถิ่นอีกด้วย
“ซีพีอินเดียยังเล็งเห็นการเติบโตของธุรกิจออนไลน์ในอินเดีย และน่าจะเป็นโอกาสที่สำคัญที่จะพัฒนาการให้บริการของร้านห้าดาว และช่วยอำนวยความสะดวกในการซื้ออาหารให้กับลูกค้า ขณะนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้ให้บริการส่งอาหารทางออนไลน์รายใหญ่ของอินเดีย เพื่อที่จะมาสนับสนุนการบริการสั่งซื้อห้าดาวทางออนไลน์ ซึ่งน่าจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจห้าดาวของเรามากขึ้นในอนาคตอีกด้วย” นายซานจีฟกล่าว
นอกจากนี้ ซีพีอินเดียยังมีแผนขยายธุรกิจอาหารสำเร็จรูปในอินเดียอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพสูง และมีความปลอดภัยเข้าถึงผู้บริโภคในอินเดียให้มากขึ้น โดยเตรียมที่จะนำผลิตภัณฑ์เนื้อไก่สดที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์มาตรฐานแบรนด์ “ซีพี” เข้าสู่ตลาดอินเดียใน 1-2 ปีข้างหน้า และมีแผนก่อสร้างโรงงานแปรรูปอาหารเนื้อไก่แห่งใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรองรับการขยายตัวของธุรกิจอาหารแปรรูปดังกล่าวอีกด้วย
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อินเดีย จำกัด เข้าไปลงทุนและดำเนินธุรกิจในอินเดียมากว่า 20 ปี ครอบคลุมธุรกิจโรงงานอาหารสัตว์บกและสัตว์น้ำ ฟาร์มไก่และฟาร์มสัตว์น้ำ และธุรกิจอาหารสำเร็จรูป และเริ่มธุรกิจห้าดาวในอินเดียเมื่อปลายปี 2555 ที่ผ่านมา ปัจจุบัน ธุรกิจอาหารสำเร็จรูปมีสัดส่วนรายได้คิดเป็นร้อยละ 5 ของรายได้รวมของอินเดีย ขณะที่ร้อยละ 50 มาจากธุรกิจอาหารสัตว์และการเลี้ยงกุ้ง ส่วนร้อยละ 45 มาจากธุรกิจอาหารไก่ และการเลี้ยงไก่./