

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ปฏิบัติการตรวจสอบภายในเข้มงวดตลอดห่วงโซ่การผลิตทั้งคู่ค้าและบริษัทตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา และเริ่มเดินหน้าตรวจสอบทั้งระบบโดยหน่วย งานตรวจสอบอิสระชั้นนำระดับสากล เพื่อให้มั่นใจว่าตลอดขบวนการผลิตของบริษัทปราศจากปั้ญหาแรงงาน
นายโฆษิต โลหะวัฒนะกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการตลาดการค้าต่างประเทศ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟ ได้ร่วมมือกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ดำเนินการตรวจเข้มระบบตรวจสอบย้อนกลับในห่วงโซ่การผลิตกุ้งของบริษัทตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว เพื่อยืนยันมาตรฐานการใช้แรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย และ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทได้เริ่มดำเนินการตรวจสอบกับหน่วยงานอิสระชั้นนำระดับสากลเพื่อยืนยันความถูกต้องและความเข้มงวดในระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ซึ่งเป็นการตรวจสอบที่เกินกว่าห่วงโซ่การผลิตกุ้งที่บริษัทดำเนินการอยู่ ประกอบด้วย อาหารสัตว์, ฟาร์มเพาะเลี้ยงและฟาร์มกุ้ง
ทั้งนี้ ปลาป่นที่มาจากผลพลอยได้จากการผลิตสินค้าปลา (by product) ที่ ซีพีเอฟ ใช้ในการผลิตอาหารกุ้งนั้นได้รับการรับรอง IFFO RS CoC ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานนานาชาติในการใช้ปลาป่นอย่างยั่งยืน ขณะที่สัดส่วนการใช้ปลาป่นที่ได้มาจากการจับปลา (by catch) เราได้จำกัดจำนวนซัพพลายเออร์ของเราเหลือเพียง 30 ราย และเรือประมง 380 ลำ (ที่ส่งวัตถุดิบให้กับโรงงานปลาป่น) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่บริษัทสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้บนพื้นฐานของความยั่งยืนและปราศจากประเด็นต่างๆ ที่ก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทฯคงดำเนินการด้วยวิธีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ในการตรวจสอบเอกสารและติดตามอย่างเคร่งครัดสำหรับการจัดหาปลาป่นที่ได้มาจากการจับปลา
“บริษัทฯดำเนินการตรวจสอบการจัดหาปลาป่นในห่วงโซ่การผลิตอย่างถูกต้อง เพื่อให้มั่นใจว่าระบบการผลิตของเราปราศจากปัญหาแรงงาน” นายโฆษิต กล่าวย้ำ
ปัจจุบัน ซีพีเอฟ ซื้อปลาป่นจากโรงงานผู้ผลิต 30 ราย ลดลงจากที่ผ่านมาที่ซื้อมากกว่า 50 ราย โดยโรงงานปลาป่นทั้ง 30 รายและเรือประมงจำนวน 380 ลำ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทนั้นได้ผ่านตรวจสอบเอกสารทุกขั้นตอนจากโรงงานย้อนกลับไปจนถึงเรือประมง ตลอดจนการดำเนินการตามขั้นตอนบันทึกจำนวนลูกเรือที่ลงเรือก่อนออกจากท่าเรือ
นอกจากนี้ บริษัทฯยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการตรวจสอบเอกสารและการติดตามโรงงานปลาป่นและเรือประมงที่ส่งปลาป่นที่ได้มาจากการจับปลาให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการตรวจสอบของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และกรมประมง ซึ่งโรงงานปลาป่น (และเรือประมงที่อยู่ในระบบของบริษัทฯดังที่กล่าวมาข้างต้น) ตกลงที่จะทำการบันทึกจำนวนและลักษณะของลูกเรือขณะที่ออก
จากฝั่งและเมื่อกลับเข้าท่า การทำสมุดบันทึกการประมงและรายงานการจับปลาของเรือ รวมถึงตกลงที่จะให้มีการตรวจสอบตามปกติเพื่อรับรองการเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบให้กับ ซีพีเอฟ
ซีพีเอฟ เชื่อว่าคนจำนวนมากที่ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมประมงต้องทำงานอย่างหนัก ทั้งยังเป็นชาวประมงที่มีความซื่อสัตย์และเป็นผู้สร้างวัฒนธรรมความเป็นอยู่ในท้องทะเลทั้งในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ดังนั้น บริษัทจึงมีการรับซื้อปลาป่นในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานในระบบห่วงโซ่การผลิตของบริษัทและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าผลผลิตและสินค้ากุ้งของบริษัทไม่มีการทำลายสิ่งแวดล้อมและไม่มีปัญหาแรงงาน บริษัทเชื่อว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องยึดมั่นในระบบดังกล่าวอย่างเข้มแข็งและซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพในการสร้างงานให้คนไทยหลายล้านคนที่ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้
การดำเนินการต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นความพยายามของบริษัทฯ ในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและแรงงานในอุตสาหกรรมประมงของประเทศไทยที่เกิดขึ้น ซึ่งถูกระบุไว้ในรายงานของ Environmental Justice Foundation หรือ EJF เมื่อกลางปีที่แล้ว เกี่ยวกับมาตรฐานแรงงานในอุตสาหกรรมประมงไทย ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะมีผลต่อการประกาศ “ใบเหลือง”ของสหภาพยุโรปแก่ประเทศไทย จากการการทำประมงที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของ Non-Illegal, Unreported, Unregulated Fishing (Non-IUU)./