เกี่ยวกับซีพีเอฟ
เกี่ยวกับซีพีเอฟ
ซีพีเอฟดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพบนมาตรฐานการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและกระบวนการทำงานที่รับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม
เกี่ยวกับซีพีเอฟ สำหรับบุคลากร
ธุรกิจ
ธุรกิจ ซีพีเอฟ
ซีพีเอฟมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพที่มีคุณค่าทางโภชนาการ สะอาดถูกสุขอนามัย ปลอดภัย และตรวจสอบย้อนกลับได้
ภาพรวมธุรกิจ
บรรษัทภิบาล
บรรษัทภิบาล
พัฒนาการความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโต ทางธุรกิจและเติมเต็มความมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าร่วมในระยะยาวอย่างยั่งยืน ไปพร้อมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน
our mision
สารถึงผู้ถือหุ้น
บริษัทยังคงพยายามอย่างเต็มกำลังในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กร เพื่อเป้าหมายการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นักลงทุนสัมพันธ์
นักลงทุนสัมพันธ์
บริษัทมุ่งเน้นที่จะสร้างผลตอบแทนด้วยความใส่ใจให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน อันจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
นักลงทุนสัมพันธ์ ติดต่อนักลงทุนสัมพันธ์
ความยั่งยืน
ความยั่งยืน
เพื่อเสริมสร้าง “ศักยภาพและโอกาสการเติมโต“ สู่ “การสร้างคุณค่าร่วมกับทุกภาคส่วน“
sustainability
ซีพีเอฟกับความยั่งยืน
ซีพีเอฟใช้นวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความเป็นเลิศควบคู่ไปกับสร้างความยั่งยืนเพื่อโลกที่ดีกว่าของคนรุ่นถัดไปภายใต้กลยุทธ์ นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (Sustainovation)
สื่อเผยแพร่
สื่อเผยแพร่
ศูนย์ข่าวสารซีพีเอฟ นำเสนอเรื่องราวครอบคลุมทั้งความยั่งยืน นวัตกรรม ข่าวสารอุตสาหกรรม และกิจกรรมอื่นๆ
สื่อเผยแพร่
media-center
สื่อเผยแพร่
ติดตามข่าวสารล่าสุด และเรื่องราวดีๆ จากซีพีเอฟได้ที่นี่
THAI
ซีพีเอฟแนะวิธีเลี้ยงสัตว์ช่วงอากาศร้อนลดเสี่ยงแก่เกษตรกร
25 เม.ย. 2560
ซีพีเอฟแนะวิธีเลี้ยงสัตว์ช่วงอากาศร้อนลดเสี่ยงแก่เกษตรกร

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ แนะนำเทคนิคการเลี้ยงสัตว์ในฤดูร้อน เพื่อให้เกษตรกรได้ปรับวิธีการเลี้ยงและเสริมเทคนิคให้สอดคล้องกับสภาพอากาศ ให้สัตว์อยู่สุขสบายช่วยลดความเสี่ยงและความเสียหายของฝูงสัตว์จากภาวะอากาศร้อนจัด 

น.สพ.นรินทร์ ร่มลำดวน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ศูนย์วินิจฉัยโรคสัตว์บก ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อน โดยกรมอุตุภาวะคาดการณ์ว่าฤดูร้อนของปีนี้สภาพอากาศจะร้อนจัดบางพื้นที่อุณหภูมิจะสูงถึง 39-41 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะภาคกลางและภาคตะวันออก ดังนั้นเกษตกรรผู้เลี้ยงสัตว์จึงต้องเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่ว ด้วยการดูแลสภาพความเป็นอยู่ของสัตว์ให้เหมาะสม สำหรับการเลี้ยงสุกรต้องมีการสำรองน้ำกิน-น้ำใช้ ให้เพียงพอ สำหรับฟาร์มพ่อแม่พันธุ์ที่เลี้ยงในระบบอีแวปจะต้องใช้น้ำทั้งกินและใช้เฉลี่ยวันละ 130 ลิตรต่อตัว ส่วนฟาร์มสุกรขุนกินและใช้น้ำเฉลี่ยวันละ 40 ลิตรต่อตัว อากาศที่ร้อนจัดจะส่งผลต่อสุกรทำให้หายใจหอบแรง กินอาหารลดลง หากอากาศร้อนต่อเนื่องหลายวันในแม่อุ้มท้องแก่อาจเกิดการแท้งได้ ส่วนในไก่ปกติจะต้องกินน้ำอย่างน้อย 2 เท่าของปริมาณอาหารที่กินในแต่ละวัน และหากไก่ขาดน้ำเกินร้อยละ 20 ไก่จะกินอาหารลดลง เกิดภาวะเครียด อัตราการเจริญเติบโตต่ำ ผลผลิตลด ภูมิคุ้มกันโรคลด ทำให้ไก่มีโอกาสติดเชื้อโรคได้ง่าย โดยไก่ที่ได้รับน้ำไม่เพียงพอจะสังเกตได้จากอาการที่ไก่แสดงออก เช่นอาการซึม แข้งไก่มีลักษณะแห้งจากสภาพแห้งน้ำ ถ้าไก่สูญเสียน้ำไปกว่า 1 ใน 10 ส่วนของน้ำที่มีอยู่ในร่างกายจะทำให้ไก่ตายได้ 

นอกจากนี้ เกษตรกรต้องใส่ใจกับคุณภาพน้ำโดยทั่วไปน้ำที่ดีควรเป็นน้ำบาดาล หากจำเป็นต้องใช้น้ำผิวดินควรปรับคุณภาพน้ำก่อน แต่ถ้าไม่สามารถเจาะบ่อบาดาลหรือใช้น้ำผิวดินได้ แนะนำให้ซื้อน้ำจากแหล่งที่เชื่อถือได้และมีกระบวนการฆ่าเชื้อโรคในน้ำที่ดี อาทิเช่น ประปาหมู่บ้าน คุณภาพน้ำที่ดีสามารถสังเกตได้จากลักษณะภายนอกคือ สีใส ไม่ขุ่น รสชาติไม่เค็ม ถ้าหากน้ำมีความขุ่นควรใช้สารส้ม 1 กรัมต่อน้ำ 100 ลิตร ใช้แกว่งในน้ำเพื่อให้ความขุ่นตกตะกอนก่อน และใช้คลอรีนฆ่าเชื้อโรคที่ความเข้มข้น 3 - 5 ppm. (คลอรีน 3-5 ลิตร ต่อน้ำ 1 ล้านลิตร) จะช่วยป้องกันอาการท้องเสียในสัตว์ได้ ในช่วงที่อากาศร้อนจัดอาจต้องขังน้ำในรางอาหารของแม่สุกร หรือเพิ่มรางน้ำให้สุกรขุนได้กินอย่างเพียงพอและสะดวกต่อการกิน ส่วนโรงเรือนที่มีส้วมน้ำด้านท้ายคอกควรขังน้ำให้พอดี ระมัดระวังอย่าให้ขาดน้ำ ควบคู่กับการป้องกันโรคและสัตว์พาหะ เช่น นก หนู แมลง ยุง เน้นการเปลี่ยนรองเท้าก่อนเข้าโรงเรือนเลี้ยงสัตว์แต่ละหลัง เกษตรกรไม่ควรไปเยี่ยมฟาร์มของคนอื่น และไม่นำซากสัตว์ตายมาบริโภค 

“แม้ทุกวันนี้เกษตรกรส่วนใหญ่จะหันมาใช้โรงเรือนอีแวปก็ตาม แต่ในช่วงที่อากาศร้อนจัดมีผลต่อการปรับอากาศของระบบทำความเย็น เกษตรกรต้องหมั่นตรวจอย่าให้มีรอยรั่วที่อากาศร้อนจากภายนอกจะผ่านเข้ามาได้ สามารถเพิ่มการสเปรย์น้ำในโรงเรือนเพื่อลดอุณหภูมิลง แต่ต้องระวังอย่าให้พื้นแฉะและมีกลิ่นก๊าซแอมโมเนีย ที่จะทำให้สัตว์ยิ่งเครียดมากขึ้น ควรผสมวิตามินละลายน้ำให้สัตว์กิน 3-5 วันติดต่อกัน เพื่อลดความเครียด” น.สพ.นรินทร์ กล่าว 

ด้าน นายอดิศร์ กฤษณวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สำนักพัฒนาธุรกิจสัตว์น้ำ ซีพีเอฟ แนะนำวิธีการเลี้ยงปลาในฤดูร้อนเพื่อลดความเสียหายให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำว่า ก่อนอื่นต้องพิจารณา เลี้ยงปลาไม่ให้หนาแน่นจนเกินไป อาจต้องลดอัตราการปล่อยลงจากปกติประมาณ 30% เพื่อให้ปลาอยู่สบายขึ้น เพราะอากาศที่ร้อนจะทำให้การละลายน้ำได้ของอ๊อกซิเจนลดลง และปรับสภาพแวดล้อมต่างๆให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของปลา เช่น การทำร่มเงาด้วยสแลนบังแดด ด้วยการคลุมสแลนเพื่อลดความเข้มของแสงที่จะตกลงไปถึงกระชังปลาหรือบ่อเลี้ยงโดยตรง โดยใช้สแลน 60-70% กางคลุมเหนือกระชังหรือบ่อเลี้ยง จะช่วยควบคุมทั้งอุณหภูมิน้ำและลดความเครียดจากแสงมากเกินไป ที่จะกระทบต่อปลาทำให้กินอาหารลดลง โตช้า และป่วยได้ หากอากาศร้อนจัดในเวลากลางวันเกษตรกรต้องช่วยลดอุณหภูมิของน้ำลง ด้วยการเปิดเครื่องตีน้ำให้กระจายอุณหภูมิไม่ให้น้ำแบ่งชั้น 

ส่วนการเลี้ยงปลาในบ่อต้องมีการควบคุมคุณภาพน้ำ ปรับสภาพให้น้ำลึกไม่ต่ำกว่า 1.8 เมตร วัดค่าความขุ่นใสให้ได้ 40-50 ซม. และต้องวัดค่า DO บ่อยครั้งขึ้น เพราะน้ำที่อุณหภูมิสูงขึ้นออกซิเจนที่ละลายในน้ำจะลดลง เปิดเครื่องตีน้ำในช่วงกลางวัดด้วย ส่วนการเลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำที่มักพบปัญหาปริมาณของน้ำลดลงมาก ควรลงเลี้ยงปลาให้บางลงสัก30% ถ้าเป็นไปได้ต้ควรย้ายกระชังลงไปในบริเวณน้ำลึกขึ้น รวมทั้งต้องมีระบบป้องกันโดยการทำความสะอาดกระชังบ่อยครั้งขึ้นเนื่องจากฤดูร้อนพาราไซต์และแบคทีเรียจะเติบโตรวดเร็ว และควรกำจัดวัชพืชน้ำและสาหร่ายไม่ให้เกาะกระชัง ช่วยลดการกีดขวางการไหลของน้ำผ่านกระชังที่จะทำให้ออกซิเจนในกระชังต่ำลง หากมีการเปลี่ยนแปลงสภาพน้ำให้ผสมวิตามินซีในอาหารให้ปลากินติดต่อกัน3-5วัน ควรหมั่นสังเกตการกินอาหารของปลาอย่าให้เหลือเกินกว่า5นาที เปลี่ยนมาให้อาหารในช่วงที่อากาศไม่ร้อนจัด อาจแบ่งการให้อาหารเป็น 5–6 มื้อต่อวัน เพื่อกระตุ้นการกิน 

“เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาทั้งปลากระชังในแม่น้ำและการเลี้ยงในบ่อ ควรติดตั้งเครื่องตีน้ำเพื่อช่วยเติมอากาศในน้ำ และควรเปิดตลอดเวลาโดยเฉพาะช่วงกลางวัน เพื่อให้น้ำมีการผสมกัน ไม่เกิดการแบ่งชั้นของน้ำ และช่วยให้อุณหภูมิน้ำไม่สูงจนเกินไป และต้องหมั่นตรวจสุขภาพปลาด้วยการสุ่มตรวจพาราไซต์ทุกๆสัปดาห์ และใช้แบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์ให้เหมาะสม โดยวัดจากค่าแอมโมเนียรวมที่ละลายน้ำไม่ควรเกิน 0.5 PPM” นายอดิศร์ กล่าวทิ้งท้าย./

กิจกรรมอื่น ๆ
เคียงข้างสังคมไทย! CPF ชวนคนไทย ร่วมฟื้นฟูโรงพยาบาลชายแดน “ทุกการซื้อ คือพลังแห่งการให้”
20 ส.ค. 2568
เคียงข้างสังคมไทย! CPF ชวนคนไทย ร่วมฟื้นฟูโรงพยาบาลชายแดน “ทุกการซื้อ คือพลังแห่งการให้”
“ฟาร์มหมอต้น” คว้า 3 รางวัล SME National Awards 2025
11 ส.ค. 2568
“ฟาร์มหมอต้น” คว้า 3 รางวัล SME National Awards 2025
Yum Asia มอบรางวัล '3C Partner Award 2025' ยกย่อง ซีพีเอฟ ในฐานะพันธมิตรตัวจริงที่มีศักยภาพ ยกระดับห่วงโซ่อุปทานอาหารที่ยั่งยืน
04 ส.ค. 2568
Yum Asia มอบรางวัล '3C Partner Award 2025' ยกย่อง ซีพีเอฟ ในฐานะพันธมิตรตัวจริงที่มีศักยภาพ ยกระดับห่วงโซ่อุปทานอาหารที่ยั่งยืน
AXONS คว้ารางวัล "AIBP Enterprise Innovation Awards" ประจำปี 2025
16 ก.ค. 2568
AXONS คว้ารางวัล "AIBP Enterprise Innovation Awards" ประจำปี 2025
cpfworldwide.com ใช้คุกกี้บนเว็บไซต์นี้เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)
x