

นายวีรชัย รัตนบานชื่น ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการสายธุรกิจไก่เนื้อ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่าบริษัทให้ความสำคัญต่อมาตรฐานอาหารปลอดภัย และมีนโยบายในการงดใช้ยาปฏิชีวนะมาอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นนวัตกรรมการเลี้ยงสัตว์ที่เน้นระบบการป้องกันไม่ให้สัตว์ป่วย ซึ่งส่งผลให้ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษา
การดำเนินการด้านการรักษาสุขภาพสัตว์ของทีมสัตวแพทย์ซีพีเอฟ จะปฏิบัติตาม “หลักการรักษาอย่างสมเหตุสมผล” และคำนึงถึงหลักสุขภาพเป็นหนึ่งเดียว (One health) คือ การปฏิบัติด้านสุขภาพคน สุขภาพสัตว์ และสุขภาพสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน เพื่อให้สิ่งมีชีวิตมีสุขภาพที่ดีโดยองค์รวม ซึ่งเป็นหลักการขององค์การระหว่างประเทศ และการ “ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ” เป็นส่วนหนึ่งของหลักการดังกล่าว และสามารถบริหารจัดการทดแทนด้วยวิธีดูแลพื้นฐานการเตรียมโรงเรือนให้สะอาด ระบบการป้องกันโรค การระบายอากาศที่ดี การให้น้ำและอาหารที่สะอาด รวมถึงการใช้วิตามินหรือสารประเภทโปรไบโอติกมาทดแทนการใช้ยา
อย่างไรก็ตาม หากเกิดปัญหาสุขภาพหรือมีการเจ็บป่วยเกิดขึ้น สัตว์จำเป็นต้องได้รับการรักษาเพื่อให้หายจากอาการป่วยตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal welfare) ด้วยการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผลและมีความรัดกุม ซึ่งจะอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มที่มีใบอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ และสัตวแพทย์จะควบคุมระยะหยุดยาก่อนส่งเข้าโรงชำแหละ ตลอดจนมีการตรวจสอบสารตกค้าง ก่อนทำการชำแหละอีกครั้ง เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าเนื้อไก่จากซีพีเอฟปราศจากยาปฏิชีวนะตกค้าง
ทั้งนี้ กระบวนการเลี้ยงสัตว์ของประเทศไทยมีพัฒนาการขึ้นมาก จากความเข้มแข็งของภาครัฐเช่น กรมปศุสัตว์ ที่มีการวางมาตรการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด มีการกำหนดมาตรฐานฟาร์ม ไปจนถึงการตรวจสอบสารตกค้างก่อนการชำแหละ ทำให้อุตสาหกรรมไก่เนื้อของประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น ที่มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยทางอาหารสูงมาก กระทั่งไทยกลายเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่เป็นอันดับ 4 ของโลก และเนื้อไก่ที่จำหน่ายในประเทศก็เป็นเนื้อไก่ที่ผลิตด้วยมาตรฐานส่งออกเช่นเดียวกัน ดังนั้น ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ในความปลอดภัยของเนื้อไก่จากซีพีเอฟและอุตสาหกรรมไก่เนื้อของประเทศไทย./