17 ต.ค. 2565
CPF เดินหน้ามอบอาหารคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย แก่กลุ่มเปราะบาง รับ "วันอาหารโลก"
วันที่ 16 ตุลาคม ของทุกปี ตรงกับวันอาหารโลก (World Food Day) เป็นวันสำคัญที่กระตุ้นให้ทุกภาคส่วนร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญของความมั่นคงทางอาหาร ขจัดความอดอยาก หิวโหย ซึ่งในปี 2022 (พ.ศ. 2565) องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations :FAO) ตอกย้ำ แนวคิด “Leave NO ONE behind”หรือ“ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาความยั่งยืนองค์กร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ มีวิสัยทัศน์เป็นครัวของโลกที่ยั่งยืน และมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหาร ให้ความสำคัญต่อกระบวนการความยั่งยืนในธุรกิจอาหารทั้งด้านความปลอดภัยและคุณภาพในการผลิตอาหาร บนหลักการดำเนินธุรกิจด้วยการบริหารจัดการทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุดตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และมุ่งสู่เป้าหมายลดปริมาณขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573) ภายใต้ความมุ่งมั่นด้านการสร้างคุณค่าปราศจากขยะ (Waste to Value) พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้ส่งเสริมการเข้าถึงอาหารของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งบริษัทได้ให้ความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่องซีพีเอฟ ร่วมมือกับ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) และบริษัท เก็บสะอาด จำกัด หรือ GEPP ดำเนินโครงการ “Circular Meal มื้อนี้เปลี่ยนโลก” เป็นต้นแบบการจัดการอาหารส่วนเกินและรับผิดชอบต่อบรรจุภัณฑ์ สู่การบริโภคอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) โดยได้มอบอาหารเพื่อช่วยเหลือชุมชนเปราะบาง มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ส่งมอบอาหารไปแล้วทั้งสิ้น 74,906 มื้อ แก่ 85 ชุมชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และตั้งแต่ปี 2564 ได้ร่วมกับทำงานกับบริษัท GEPP ได้เก็บกลับบรรจุภัณฑ์พลาสติกและกระดาษ (Take back system) เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการจัดการรีไซเคิลอย่างเป็นระบบ ช่วยจัดการปัญหาขยะในชุมชนกว่า 6,000 ชิ้น ส่วนของบรรจุภัณฑ์ที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ นำเข้าสู่กระบวนการจัดการที่เหมาะสมเพื่อลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบ ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ หลังจากที่มอบอาหารให้แก่ชุมชนแล้ว ทาง GEPP จะติดตามเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการที่เหมาะสมนอกจากนี้ เนื่องในวันอาหารโลกปีนี้ บริษัทฯ ร่วมกับ มูลนิธิ SOS และ ภาคีเครือข่าย มอบอาหารให้แก่กลุ่มเปราะบาง ตามแนวคิด “Leave NO ONE behind”หรือ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” โดยเปลี่ยนอาหารส่วนเกิน (Surplus Food) เป็นเมนูอร่อย สะอาด ปลอดภัย มอบให้ชุมชนที่อาศัยในพื้นที่รอยต่อระหว่างเขตลาดพร้าว เขตห้วยขวาง และเขตจตุจักร 2,500 มื้อ ประกอบด้วย ชุมชนซอยลาดพร้าววังหิน 10 และ 12 ชุมชนสันติสุข ชุมชนลาดพร้าว 45 และชุมชนหลังตลาดสุภาพงษ์ โดยใช้โรงครัววัดลาดพร้าว เป็นสถานที่ปรุงอาหารเพื่อบรรจุกล่องแจกในชุมชนกลุ่มเปราะบางอย่างทั่วถึง มีการลงเรือนำอาหารกล่องแจกครัวเรือนที่ขาดแคลนริมคลอง รวมทั้งทำอาหารปรุงสุกให้ประชาชนนำภาชนะส่วนตัวมาใส่เพื่อลดขยะบรรจุภัณฑ์ โดยซีพีเอฟสนับสนุนอาหารที่มีโภชนาการและสารอาหารครบถ้วน มอบโปรตีน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญ อาทิ ขาเป็ดพะโล้ หมูดำบด สะโพกหมูซีพีคูโรบูตะหั่นชิ้น ขาหมูเผาสไลซ์อนามัยซีพี กระดูกซุปหมูหั่นชิ้นอนามัยซีพี และหมูแดดเดียวนายทวี อิ่มพูลทรัพย์ หัวหน้าโครงการด้านอาหารและความปลอดภัยทางอาหาร มูลนิธิ SOS กล่าวว่า มูลนิธิ ฯ จัดกิจกรรมครัวรักษ์อาหาร เนื่องในโอกาสวันอาหารโลก 16 ตุลาคม 2565 โดยได้ทำเมนูอาหารจากอาหารส่วนเกิน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากซีพีเอฟ ที่สนับสนุนเนื้อสัตว์และวัตถุดิบส่วนเกินในการปรุงอาหาร รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากจิตอาสาของชุมชน อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย และสำนักเขตฯ มาช่วยกัน เพื่อทำอาหารแจกจ่ายให้ชุมชนประมาณ 2,500 มื้อ นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญในเรื่องของปัญหาขยะ โดยบรรจุภัณฑ์เนื้อสัตว์ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่นำมาทำอาหาร จะนำถุงมาล้างและเก็บกลับไปที่มูลนิธิ SOS จากนั้น บริษัท เก็บสะอาด จำกัด จะนำบรรจุภัณฑ์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล เพื่อลดปริมาณขยะ โดยขอฝากถึงบริษัทเอกชน หากมีอาหารส่วนเกิน อาหารเหล่านี้ถือว่ายังเป็นอาหารที่มีประโยชน์ที่สามารถบริจาคผ่านทางมูลนิธิ SOS และทางมูลนิธิฯจะมีการบริหารจัดการ เพื่อส่งต่ออาหารที่มีคุณภาพสู่ผู้บริโภคกลุ่มเปราะบางด้านนางวิกานดา สังวรราชทรัพย์ ประธานคณะกรรมการเครือข่ายชุมชนเขตลาดพร้าว กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่เห็นทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจกันผลิตอาหารเพื่อแจกจ่ายให้ชุมชนเปราะบาง ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่จำนวนมาก ขอขอบคุณผู้สนับสนุนจากภาคเอกชน เช่น ซีพีเอฟ ที่ส่งมอบเนื้อสัตว์และวัตถุดิบของสดเพื่อนำมาผลิตอาหาร ในฐานะตัวแทนของชุมชน ขอบอกว่าหนึ่งมื้อของชุมชน เป็นหนึ่งมื้อที่ทำให้เราประหยัดและอิ่มท้องได้โครงการ “Circular Meal มื้อนี้เปลี่ยนโลก” เป็นการส่งมอบอาหารปลอดภัยให้แก่ผู้ที่ขาดแคลนและด้อยโอกาส ลดการสูญเสียอาหารและจัดการอาหารส่วนเกิน พร้อมสร้างสรรค์อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ตอกย้ำความมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน สอดรับกับแนวคิด “Leave NO ONE behind”หรือ“ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ซึ่งกำหนดโดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ เนื่องในวันอาหารโลก ปี 2022 เป็นหนึ่งในโครงการที่ซีพีเอฟดำเนินการ ภายใต้ความมุ่งมั่นด้าน Waste to Value มีเป้าหมายในการลดปริมาณขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573) ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ CPF 2030 Sustainability in Action ซึ่งเป็นกลยุทธ์ของบริษัทในอีก 9 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2564-2573) และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs ) ในประเด็นการขจัดความหิวโหย และการส่งเสริมการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน ./"วันที่ 16 ตุลาคม ของทุกปี ตรงกับวันอาหารโลก (World Food Day) เป็นวันสำคัญที่กระตุ้นให้ทุกภาคส่วนร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญของความมั่นคงทางอาหาร ขจัดความอดอยาก หิวโหย ซึ่งในปี 2022 (พ.ศ. 2565) องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations :FAO) ตอกย้ำ แนวคิด “Leave NO ONE behind”หรือ“ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาความยั่งยืนองค์กร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ มีวิสัยทัศน์เป็นครัวของโลกที่ยั่งยืน และมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหาร ให้ความสำคัญต่อกระบวนการความยั่งยืนในธุรกิจอาหารทั้งด้านความปลอดภัยและคุณภาพในการผลิตอาหาร บนหลักการดำเนินธุรกิจด้วยการบริหารจัดการทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุดตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และมุ่งสู่เป้าหมายลดปริมาณขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573) ภายใต้ความมุ่งมั่นด้านการสร้างคุณค่าปราศจากขยะ (Waste to Value) พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้ส่งเสริมการเข้าถึงอาหารของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งบริษัทได้ให้ความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่องซีพีเอฟ ร่วมมือกับ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) และบริษัท เก็บสะอาด จำกัด หรือ GEPP ดำเนินโครงการ “Circular Meal มื้อนี้เปลี่ยนโลก” เป็นต้นแบบการจัดการอาหารส่วนเกินและรับผิดชอบต่อบรรจุภัณฑ์ สู่การบริโภคอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) โดยได้มอบอาหารเพื่อช่วยเหลือชุมชนเปราะบาง มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ส่งมอบอาหารไปแล้วทั้งสิ้น 74,906 มื้อ แก่ 85 ชุมชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และตั้งแต่ปี 2564 ได้ร่วมกับทำงานกับบริษัท GEPP ได้เก็บกลับบรรจุภัณฑ์พลาสติกและกระดาษ (Take back system) เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการจัดการรีไซเคิลอย่างเป็นระบบ ช่วยจัดการปัญหาขยะในชุมชนกว่า 6,000 ชิ้น ส่วนของบรรจุภัณฑ์ที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ นำเข้าสู่กระบวนการจัดการที่เหมาะสมเพื่อลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบ ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ หลังจากที่มอบอาหารให้แก่ชุมชนแล้ว ทาง GEPP จะติดตามเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการที่เหมาะสมนอกจากนี้ เนื่องในวันอาหารโลกปีนี้ บริษัทฯ ร่วมกับ มูลนิธิ SOS และ ภาคีเครือข่าย มอบอาหารให้แก่กลุ่มเปราะบาง ตามแนวคิด “Leave NO ONE behind”หรือ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” โดยเปลี่ยนอาหารส่วนเกิน (Surplus Food) เป็นเมนูอร่อย สะอาด ปลอดภัย มอบให้ชุมชนที่อาศัยในพื้นที่รอยต่อระหว่างเขตลาดพร้าว เขตห้วยขวาง และเขตจตุจักร 2,500 มื้อ ประกอบด้วย ชุมชนซอยลาดพร้าววังหิน 10 และ 12 ชุมชนสันติสุข ชุมชนลาดพร้าว 45 และชุมชนหลังตลาดสุภาพงษ์ โดยใช้โรงครัววัดลาดพร้าว เป็นสถานที่ปรุงอาหารเพื่อบรรจุกล่องแจกในชุมชนกลุ่มเปราะบางอย่างทั่วถึง มีการลงเรือนำอาหารกล่องแจกครัวเรือนที่ขาดแคลนริมคลอง รวมทั้งทำอาหารปรุงสุกให้ประชาชนนำภาชนะส่วนตัวมาใส่เพื่อลดขยะบรรจุภัณฑ์ โดยซีพีเอฟสนับสนุนอาหารที่มีโภชนาการและสารอาหารครบถ้วน มอบโปรตีน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญ อาทิ ขาเป็ดพะโล้ หมูดำบด สะโพกหมูซีพีคูโรบูตะหั่นชิ้น ขาหมูเผาสไลซ์อนามัยซีพี กระดูกซุปหมูหั่นชิ้นอนามัยซีพี และหมูแดดเดียวนายทวี อิ่มพูลทรัพย์ หัวหน้าโครงการด้านอาหารและความปลอดภัยทางอาหาร มูลนิธิ SOS กล่าวว่า มูลนิธิ ฯ จัดกิจกรรมครัวรักษ์อาหาร เนื่องในโอกาสวันอาหารโลก 16 ตุลาคม 2565 โดยได้ทำเมนูอาหารจากอาหารส่วนเกิน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากซีพีเอฟ ที่สนับสนุนเนื้อสัตว์และวัตถุดิบส่วนเกินในการปรุงอาหาร รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากจิตอาสาของชุมชน อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย และสำนักเขตฯ มาช่วยกัน เพื่อทำอาหารแจกจ่ายให้ชุมชนประมาณ 2,500 มื้อ นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญในเรื่องของปัญหาขยะ โดยบรรจุภัณฑ์เนื้อสัตว์ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่นำมาทำอาหาร จะนำถุงมาล้างและเก็บกลับไปที่มูลนิธิ SOS จากนั้น บริษัท เก็บสะอาด จำกัด จะนำบรรจุภัณฑ์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล เพื่อลดปริมาณขยะ โดยขอฝากถึงบริษัทเอกชน หากมีอาหารส่วนเกิน อาหารเหล่านี้ถือว่ายังเป็นอาหารที่มีประโยชน์ที่สามารถบริจาคผ่านทางมูลนิธิ SOS และทางมูลนิธิฯจะมีการบริหารจัดการ เพื่อส่งต่ออาหารที่มีคุณภาพสู่ผู้บริโภคกลุ่มเปราะบางด้านนางวิกานดา สังวรราชทรัพย์ ประธานคณะกรรมการเครือข่ายชุมชนเขตลาดพร้าว กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่เห็นทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจกันผลิตอาหารเพื่อแจกจ่ายให้ชุมชนเปราะบาง ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่จำนวนมาก ขอขอบคุณผู้สนับสนุนจากภาคเอกชน เช่น ซีพีเอฟ ที่ส่งมอบเนื้อสัตว์และวัตถุดิบของสดเพื่อนำมาผลิตอาหาร ในฐานะตัวแทนของชุมชน ขอบอกว่าหนึ่งมื้อของชุมชน เป็นหนึ่งมื้อที่ทำให้เราประหยัดและอิ่มท้องได้โครงการ “Circular Meal มื้อนี้เปลี่ยนโลก” เป็นการส่งมอบอาหารปลอดภัยให้แก่ผู้ที่ขาดแคลนและด้อยโอกาส ลดการสูญเสียอาหารและจัดการอาหารส่วนเกิน พร้อมสร้างสรรค์อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ตอกย้ำความมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน สอดรับกับแนวคิด “Leave NO ONE behind”หรือ“ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ซึ่งกำหนดโดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ เนื่องในวันอาหารโลก ปี 2022 เป็นหนึ่งในโครงการที่ซีพีเอฟดำเนินการ ภายใต้ความมุ่งมั่นด้าน Waste to Value มีเป้าหมายในการลดปริมาณขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573) ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ CPF 2030 Sustainability in Action ซึ่งเป็นกลยุทธ์ของบริษัทในอีก 9 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2564-2573) และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs ) ในประเด็นการขจัดความหิวโหย และการส่งเสริมการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน ./
นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาความยั่งยืนองค์กร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ มีวิสัยทัศน์เป็นครัวของโลกที่ยั่งยืน และมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหาร ให้ความสำคัญต่อกระบวนการความยั่งยืนในธุรกิจอาหารทั้งด้านความปลอดภัยและคุณภาพในการผลิตอาหาร บนหลักการดำเนินธุรกิจด้วยการบริหารจัดการทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุดตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และมุ่งสู่เป้าหมายลดปริมาณขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573) ภายใต้ความมุ่งมั่นด้านการสร้างคุณค่าปราศจากขยะ (Waste to Value) พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้ส่งเสริมการเข้าถึงอาหารของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งบริษัทได้ให้ความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่องซีพีเอฟ ร่วมมือกับ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) และบริษัท เก็บสะอาด จำกัด หรือ GEPP ดำเนินโครงการ “Circular Meal มื้อนี้เปลี่ยนโลก” เป็นต้นแบบการจัดการอาหารส่วนเกินและรับผิดชอบต่อบรรจุภัณฑ์ สู่การบริโภคอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) โดยได้มอบอาหารเพื่อช่วยเหลือชุมชนเปราะบาง มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ส่งมอบอาหารไปแล้วทั้งสิ้น 74,906 มื้อ แก่ 85 ชุมชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และตั้งแต่ปี 2564 ได้ร่วมกับทำงานกับบริษัท GEPP ได้เก็บกลับบรรจุภัณฑ์พลาสติกและกระดาษ (Take back system) เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการจัดการรีไซเคิลอย่างเป็นระบบ ช่วยจัดการปัญหาขยะในชุมชนกว่า 6,000 ชิ้น ส่วนของบรรจุภัณฑ์ที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ นำเข้าสู่กระบวนการจัดการที่เหมาะสมเพื่อลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบ ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ หลังจากที่มอบอาหารให้แก่ชุมชนแล้ว ทาง GEPP จะติดตามเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการที่เหมาะสมนอกจากนี้ เนื่องในวันอาหารโลกปีนี้ บริษัทฯ ร่วมกับ มูลนิธิ SOS และ ภาคีเครือข่าย มอบอาหารให้แก่กลุ่มเปราะบาง ตามแนวคิด “Leave NO ONE behind”หรือ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” โดยเปลี่ยนอาหารส่วนเกิน (Surplus Food) เป็นเมนูอร่อย สะอาด ปลอดภัย มอบให้ชุมชนที่อาศัยในพื้นที่รอยต่อระหว่างเขตลาดพร้าว เขตห้วยขวาง และเขตจตุจักร 2,500 มื้อ ประกอบด้วย ชุมชนซอยลาดพร้าววังหิน 10 และ 12 ชุมชนสันติสุข ชุมชนลาดพร้าว 45 และชุมชนหลังตลาดสุภาพงษ์ โดยใช้โรงครัววัดลาดพร้าว เป็นสถานที่ปรุงอาหารเพื่อบรรจุกล่องแจกในชุมชนกลุ่มเปราะบางอย่างทั่วถึง มีการลงเรือนำอาหารกล่องแจกครัวเรือนที่ขาดแคลนริมคลอง รวมทั้งทำอาหารปรุงสุกให้ประชาชนนำภาชนะส่วนตัวมาใส่เพื่อลดขยะบรรจุภัณฑ์ โดยซีพีเอฟสนับสนุนอาหารที่มีโภชนาการและสารอาหารครบถ้วน มอบโปรตีน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญ อาทิ ขาเป็ดพะโล้ หมูดำบด สะโพกหมูซีพีคูโรบูตะหั่นชิ้น ขาหมูเผาสไลซ์อนามัยซีพี กระดูกซุปหมูหั่นชิ้นอนามัยซีพี และหมูแดดเดียวนายทวี อิ่มพูลทรัพย์ หัวหน้าโครงการด้านอาหารและความปลอดภัยทางอาหาร มูลนิธิ SOS กล่าวว่า มูลนิธิ ฯ จัดกิจกรรมครัวรักษ์อาหาร เนื่องในโอกาสวันอาหารโลก 16 ตุลาคม 2565 โดยได้ทำเมนูอาหารจากอาหารส่วนเกิน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากซีพีเอฟ ที่สนับสนุนเนื้อสัตว์และวัตถุดิบส่วนเกินในการปรุงอาหาร รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากจิตอาสาของชุมชน อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย และสำนักเขตฯ มาช่วยกัน เพื่อทำอาหารแจกจ่ายให้ชุมชนประมาณ 2,500 มื้อ นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญในเรื่องของปัญหาขยะ โดยบรรจุภัณฑ์เนื้อสัตว์ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่นำมาทำอาหาร จะนำถุงมาล้างและเก็บกลับไปที่มูลนิธิ SOS จากนั้น บริษัท เก็บสะอาด จำกัด จะนำบรรจุภัณฑ์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล เพื่อลดปริมาณขยะ โดยขอฝากถึงบริษัทเอกชน หากมีอาหารส่วนเกิน อาหารเหล่านี้ถือว่ายังเป็นอาหารที่มีประโยชน์ที่สามารถบริจาคผ่านทางมูลนิธิ SOS และทางมูลนิธิฯจะมีการบริหารจัดการ เพื่อส่งต่ออาหารที่มีคุณภาพสู่ผู้บริโภคกลุ่มเปราะบางด้านนางวิกานดา สังวรราชทรัพย์ ประธานคณะกรรมการเครือข่ายชุมชนเขตลาดพร้าว กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่เห็นทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจกันผลิตอาหารเพื่อแจกจ่ายให้ชุมชนเปราะบาง ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่จำนวนมาก ขอขอบคุณผู้สนับสนุนจากภาคเอกชน เช่น ซีพีเอฟ ที่ส่งมอบเนื้อสัตว์และวัตถุดิบของสดเพื่อนำมาผลิตอาหาร ในฐานะตัวแทนของชุมชน ขอบอกว่าหนึ่งมื้อของชุมชน เป็นหนึ่งมื้อที่ทำให้เราประหยัดและอิ่มท้องได้โครงการ “Circular Meal มื้อนี้เปลี่ยนโลก” เป็นการส่งมอบอาหารปลอดภัยให้แก่ผู้ที่ขาดแคลนและด้อยโอกาส ลดการสูญเสียอาหารและจัดการอาหารส่วนเกิน พร้อมสร้างสรรค์อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ตอกย้ำความมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน สอดรับกับแนวคิด “Leave NO ONE behind”หรือ“ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ซึ่งกำหนดโดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ เนื่องในวันอาหารโลก ปี 2022 เป็นหนึ่งในโครงการที่ซีพีเอฟดำเนินการ ภายใต้ความมุ่งมั่นด้าน Waste to Value มีเป้าหมายในการลดปริมาณขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573) ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ CPF 2030 Sustainability in Action ซึ่งเป็นกลยุทธ์ของบริษัทในอีก 9 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2564-2573) และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs ) ในประเด็นการขจัดความหิวโหย และการส่งเสริมการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน ./"วันที่ 16 ตุลาคม ของทุกปี ตรงกับวันอาหารโลก (World Food Day) เป็นวันสำคัญที่กระตุ้นให้ทุกภาคส่วนร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญของความมั่นคงทางอาหาร ขจัดความอดอยาก หิวโหย ซึ่งในปี 2022 (พ.ศ. 2565) องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations :FAO) ตอกย้ำ แนวคิด “Leave NO ONE behind”หรือ“ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาความยั่งยืนองค์กร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ มีวิสัยทัศน์เป็นครัวของโลกที่ยั่งยืน และมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหาร ให้ความสำคัญต่อกระบวนการความยั่งยืนในธุรกิจอาหารทั้งด้านความปลอดภัยและคุณภาพในการผลิตอาหาร บนหลักการดำเนินธุรกิจด้วยการบริหารจัดการทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุดตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และมุ่งสู่เป้าหมายลดปริมาณขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573) ภายใต้ความมุ่งมั่นด้านการสร้างคุณค่าปราศจากขยะ (Waste to Value) พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้ส่งเสริมการเข้าถึงอาหารของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งบริษัทได้ให้ความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่องซีพีเอฟ ร่วมมือกับ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) และบริษัท เก็บสะอาด จำกัด หรือ GEPP ดำเนินโครงการ “Circular Meal มื้อนี้เปลี่ยนโลก” เป็นต้นแบบการจัดการอาหารส่วนเกินและรับผิดชอบต่อบรรจุภัณฑ์ สู่การบริโภคอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) โดยได้มอบอาหารเพื่อช่วยเหลือชุมชนเปราะบาง มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ส่งมอบอาหารไปแล้วทั้งสิ้น 74,906 มื้อ แก่ 85 ชุมชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และตั้งแต่ปี 2564 ได้ร่วมกับทำงานกับบริษัท GEPP ได้เก็บกลับบรรจุภัณฑ์พลาสติกและกระดาษ (Take back system) เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการจัดการรีไซเคิลอย่างเป็นระบบ ช่วยจัดการปัญหาขยะในชุมชนกว่า 6,000 ชิ้น ส่วนของบรรจุภัณฑ์ที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ นำเข้าสู่กระบวนการจัดการที่เหมาะสมเพื่อลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบ ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ หลังจากที่มอบอาหารให้แก่ชุมชนแล้ว ทาง GEPP จะติดตามเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการที่เหมาะสมนอกจากนี้ เนื่องในวันอาหารโลกปีนี้ บริษัทฯ ร่วมกับ มูลนิธิ SOS และ ภาคีเครือข่าย มอบอาหารให้แก่กลุ่มเปราะบาง ตามแนวคิด “Leave NO ONE behind”หรือ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” โดยเปลี่ยนอาหารส่วนเกิน (Surplus Food) เป็นเมนูอร่อย สะอาด ปลอดภัย มอบให้ชุมชนที่อาศัยในพื้นที่รอยต่อระหว่างเขตลาดพร้าว เขตห้วยขวาง และเขตจตุจักร 2,500 มื้อ ประกอบด้วย ชุมชนซอยลาดพร้าววังหิน 10 และ 12 ชุมชนสันติสุข ชุมชนลาดพร้าว 45 และชุมชนหลังตลาดสุภาพงษ์ โดยใช้โรงครัววัดลาดพร้าว เป็นสถานที่ปรุงอาหารเพื่อบรรจุกล่องแจกในชุมชนกลุ่มเปราะบางอย่างทั่วถึง มีการลงเรือนำอาหารกล่องแจกครัวเรือนที่ขาดแคลนริมคลอง รวมทั้งทำอาหารปรุงสุกให้ประชาชนนำภาชนะส่วนตัวมาใส่เพื่อลดขยะบรรจุภัณฑ์ โดยซีพีเอฟสนับสนุนอาหารที่มีโภชนาการและสารอาหารครบถ้วน มอบโปรตีน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญ อาทิ ขาเป็ดพะโล้ หมูดำบด สะโพกหมูซีพีคูโรบูตะหั่นชิ้น ขาหมูเผาสไลซ์อนามัยซีพี กระดูกซุปหมูหั่นชิ้นอนามัยซีพี และหมูแดดเดียวนายทวี อิ่มพูลทรัพย์ หัวหน้าโครงการด้านอาหารและความปลอดภัยทางอาหาร มูลนิธิ SOS กล่าวว่า มูลนิธิ ฯ จัดกิจกรรมครัวรักษ์อาหาร เนื่องในโอกาสวันอาหารโลก 16 ตุลาคม 2565 โดยได้ทำเมนูอาหารจากอาหารส่วนเกิน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากซีพีเอฟ ที่สนับสนุนเนื้อสัตว์และวัตถุดิบส่วนเกินในการปรุงอาหาร รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากจิตอาสาของชุมชน อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย และสำนักเขตฯ มาช่วยกัน เพื่อทำอาหารแจกจ่ายให้ชุมชนประมาณ 2,500 มื้อ นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญในเรื่องของปัญหาขยะ โดยบรรจุภัณฑ์เนื้อสัตว์ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่นำมาทำอาหาร จะนำถุงมาล้างและเก็บกลับไปที่มูลนิธิ SOS จากนั้น บริษัท เก็บสะอาด จำกัด จะนำบรรจุภัณฑ์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล เพื่อลดปริมาณขยะ โดยขอฝากถึงบริษัทเอกชน หากมีอาหารส่วนเกิน อาหารเหล่านี้ถือว่ายังเป็นอาหารที่มีประโยชน์ที่สามารถบริจาคผ่านทางมูลนิธิ SOS และทางมูลนิธิฯจะมีการบริหารจัดการ เพื่อส่งต่ออาหารที่มีคุณภาพสู่ผู้บริโภคกลุ่มเปราะบางด้านนางวิกานดา สังวรราชทรัพย์ ประธานคณะกรรมการเครือข่ายชุมชนเขตลาดพร้าว กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่เห็นทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจกันผลิตอาหารเพื่อแจกจ่ายให้ชุมชนเปราะบาง ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่จำนวนมาก ขอขอบคุณผู้สนับสนุนจากภาคเอกชน เช่น ซีพีเอฟ ที่ส่งมอบเนื้อสัตว์และวัตถุดิบของสดเพื่อนำมาผลิตอาหาร ในฐานะตัวแทนของชุมชน ขอบอกว่าหนึ่งมื้อของชุมชน เป็นหนึ่งมื้อที่ทำให้เราประหยัดและอิ่มท้องได้โครงการ “Circular Meal มื้อนี้เปลี่ยนโลก” เป็นการส่งมอบอาหารปลอดภัยให้แก่ผู้ที่ขาดแคลนและด้อยโอกาส ลดการสูญเสียอาหารและจัดการอาหารส่วนเกิน พร้อมสร้างสรรค์อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ตอกย้ำความมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน สอดรับกับแนวคิด “Leave NO ONE behind”หรือ“ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ซึ่งกำหนดโดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ เนื่องในวันอาหารโลก ปี 2022 เป็นหนึ่งในโครงการที่ซีพีเอฟดำเนินการ ภายใต้ความมุ่งมั่นด้าน Waste to Value มีเป้าหมายในการลดปริมาณขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573) ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ CPF 2030 Sustainability in Action ซึ่งเป็นกลยุทธ์ของบริษัทในอีก 9 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2564-2573) และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs ) ในประเด็นการขจัดความหิวโหย และการส่งเสริมการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน ./
กิจกรรมอื่น ๆ





